สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยได้คลี่คลายลง ในขณะที่โควิดสายพันธุ์โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลโดยข้อเสนอของฝ่ายสาธารณสุข จึงมีนโยบายเพื่อการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ประกอบการ ผู้จัดงาน ผู้ร่วมงาน ตลอดจนประชาชนทั่วไปต้องร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยมีการเพิ่มพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพิ่มจำนวนชั่วโมงการเปิดทำการของร้านอาหารและบาร์ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกในวันปีใหม่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่กับจัดการด้านสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2564 ดังต่อไปนี้
1. ปรับเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม
ศบค. มีคำสั่งปรับเขตพื้นที่จังหวัดตามเขตพื้นที่สถานการณ์ ดังนี้
1) พื้นที่ควบคุม จำนวน 39 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น (ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอเปือยน้อย อำเภอพล อำเภอภูเวียง อำเภอเวียงเก่า อำเภออุบลรัตน์) จันทบุรี (ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอท่าใหม่) ฉะเชิงเทรา ชุมพร เชียงราย (ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเทิง อำเภอพาน อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงแก่น อำเภอเวียงป่าเป้า) เชียงใหม่ (ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอจอมทองอำเภอดอยเต่า อำเภอแม่แตง อำเภอแม่ริม) ตรัง ตราด (ยกเว้นอำเภอเกาะกูด อำเภอเกาะช้าง) ตาก นครนายก นครราชสีมา (ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโชคชัย อำเภอปากช่อง อำเภอพิมาย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว) นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ (ยกเว้นเทศบาลเมืองหัวหิน ตำบลหัวหิน ตำบลหนองแก) ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา (ยกเว้นอำเภอพระนครศรีอยุธยา) พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี (ยกเว้นเทศบาลเมืองชะอำ) เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง (ยกเว้นเกาะพยาม) ระยอง (ยกเว้นเกาะเสม็ด) ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน สงขลา สตูล สมุทรปราการ (ยกเว้นพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี (ยกเว้นเกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย) อุดรธานี (ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอกุมภวาปี อำเภอนายูง อำเภอบ้านดุง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม อำเภอหนองหาน) อุบลราชธานี
2) พื้นที่เฝ้าระวังสูง จำนวน 30 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ นครปฐม นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ (ยกเว้นอำเภอเมือง) พิจิตร แพร่ พะเยา มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย (ยกเว้นอำเภอเชียงคาน) ศรีสะเกษ สกลนคร สมุทรสงคราม สิงห์บุรี สุโขทัย สุรินทร์ (ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอท่าตูม) หนองคาย (ยกเว้นอำเภอเมือง อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม) หนองบัวลำภู อ่างทอง อุทัยธานี อุตรดิตถ์ อำนาจเจริญ
3) พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว จำนวน 26 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ กาญจนบุรี ขอนแก่น (เฉพาะอำเภอเมือง อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอเปือยน้อย อำเภอพล อำเภอภูเวียง อำเภอเวียงเก่า อำเภออุบลรัตน์) จันทบุรี (เฉพาะอำเภอเมือง อำเภอท่าใหม่) ชลบุรี เชียงราย (เฉพาะอำเภอเมือง อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเทิง อำเภอพาน อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงแก่น อำเภอเวียงป่าเป้า) เชียงใหม่ (เฉพาะอำเภอเมือง อำเภอจอมทอง อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่แตง และอำเภอแม่ริม) ตราด (เฉพาะอำเภอเกาะกูด อำเภอเกาะช้าง) นครราชสีมา (เฉพาะอำเภอเมือง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโชคชัย อำเภอปากช่อง อำเภอพิมาย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว) นนทบุรี บุรีรัมย์ (เฉพาะอำเภอเมือง) ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะเทศบาลเมืองหัวหิน ตำบลหัวหิน ตำบลหนองแก) พระนครศรีอยุธยา (เฉพาะอำเภอพระนครศรีอยุธยา) พังงา เพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ) ภูเก็ต ระนอง (เฉพาะเกาะพยาม) ระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด) เลย (เฉพาะอำเภอเชียงคาน) สมุทรปราการ (เฉพาะพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย) สุรินทร์ (เฉพาะอำเภอเมือง อำเภอท่าตูม) หนองคาย (เฉพาะอำเภอเมือง อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม) อุดรธานี (เฉพาะอำเภอเมือง อำเภอกุมภวาปี อำเภอนายูง อำเภอบ้านดุง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม อำเภอหนองหาน)
2. การขยายเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค
มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกำหนด ฉบับที่ 37 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2564 ได้แก่ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค กิจกรรมการรวมกลุ่มบุคคลที่สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ และมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการ หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดขึ้นภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป
ในส่วนของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ให้หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการภาคเอกชน พิจารณาการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งตามความเหมาะสม โดยให้ดำเนินมาตรการนี้ต่อเนื่องไปอีก 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เพื่อเฝ้าระวังป้องกันการระบาดภายหลังช่วงเทศกาลปีใหม่
3. ปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการทั่วประเทศเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่
ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาให้สถานที่ กิจการ กิจกรรม ต่อไปนี้สามารถดำเนินการได้เป็นกรณีเฉพาะเพื่อเทศกาลปีใหม่ภายใต้มาตรการความปลอดภัยที่รัฐบาลยกระดับเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคเป็นการเฉพาะ
1) ร้านจำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม เฉพาะที่มีพื้นที่เปิด อากาศถ่ายเทได้ดี สามารถให้บริการเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้ตามเวลาทำการปกติในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จนถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2565
2) สถานที่จัดกิจกรรมเทศกาลปีใหม่ที่มีการรวมกลุ่มบุคคลจำนวนมาก ให้ผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจัดงานปฏิบัติตามมาตรการคัดกรอง ดังนี้
ก. การจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มไม่เกิน 1,000 คน ให้คัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรมเฉพาะผู้ที่แสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ข. การจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มมากกว่า 1,000 คน ขึ้นไป ให้คัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรมเฉพาะผู้ที่แสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ควบคู่กับผลการตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด 19 ในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนการเข้าร่วมกิจกรรม โดยชุดตรวจ และน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SAR-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (ชุดตรวจ ATK) และปฏิบัติตามมาตรการยกระดับดังนี้
ยกระดับ COVID Free Personnel
(1) ผู้จัดงาน พนักงาน นักร้อง นักดนตรี ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์
(2) ตรวจคัดกรองผู้จัดงาน พนักงาน นักแสดง นักร้อง ทุกคนด้วยชุดตรวจ ATK ก่อนจัดงาน 72 ชั่วโมง
(3) ตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้างานด้วยไทยเซฟไทย (Thai Save Thai) หรือแอปพลิเคชันอื่น
(4) ปฏิบัติตามมาตรการ UP-DMHTA
ยกระดับ COVID Free Customer
(1) ผู้เข้าร่วมงานต้องลงทะเบียน และแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ และมีผลตรวจ ATK เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเข้าร่วมงาน
(2) คัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้างานด้วยไทยเซฟไทย (Thai Save Thai) หรือแอปพลิเคชันอื่น
(3) ปฏิบัติตามมาตรการ UP-DMHTA
ยกระดับ COVID Free Environment
(1) จัดงานในพื้นที่ปิดควบคุมการเข้าออกได้ หรือในที่โล่งแจ้งเท่านั้น
(2) จัดงานไม่ให้เกิดความแออัด
- จองตั๋วล่วงหน้า หรือลงทะเบียนล่วงหน้า ก่อนถึงวันจัดงาน
- กำหนดช่องทางเข้า - ออก งานจุดเดียว
- จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน 1 คน / 4 ตร.ม. และติดป้ายแสดงจำนวนผู้ใช้บริการ
- กำหนดโซนของผู้ร่วมงาน
- งดกิจกรรมที่มีการสัมผัสใกล้ชิด
(3) ทำความสะอาดพื้นที่ พื้นผิว อุปกรณ์สัมผัสร่วมต่าง ๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง
(4) กรณีมีการแสดง เว้นระยะห่างระหว่างเวทีและผู้ชมอย่างน้อย 5 เมตร และเว้นระยะห่างนักดนตรี นักแสดงบนเวทีอย่างน้อย 1 เมตร
3) สถานที่หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาด ให้ผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินมาตรการตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดยกระดับขึ้นเป็นการเฉพาะ
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอดส่อง เฝ้าระวัง ติดตามการดำเนินมาตรการของสถานที่ การจัดงาน หรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่ได้ยกระดับขึ้น หากผู้ร่วมงาน หรือประชาชนพบว่าการจัดงาน หรือกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ได้ปฏิบัติตาม ย่อหย่อน สามารถแจ้งข้อมูลเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ตักเตือน ให้คำแนะนำ ก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไปได้
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีคำสั่งกำหนดให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมดังต่อไปนี้ สามารถดำเนินการได้เป็นกรณีเฉพาะเพื่อเทศกาลปีใหม่ ภายใต้เงื่อนไขมาตรการความปลอดภัยที่รัฐบาลได้ยกระดับขึ้น
1. ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เฉพาะร้านที่มีพื้นที่เปิด อากาศถ่ายเทได้ดี สามารถให้บริการเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้ตามเวลาทำการปกติในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จนถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2565
2. สถานที่จัดกิจกรรมเทศกาลปีใหม่ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ให้ผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจัดงาน จัดให้มีมาตรการคัดกรอง ดังนี้
2.1 การจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มตั้งแต่ 300 คนแต่ไม่เกิน 1,000 คน ให้ผู้จัดงานหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบขออนุญาตต่อสำนักงานเขตพื้นที่เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดมาตรการป้องกันโรค การคัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งผู้จัดงานหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยให้เข้าร่วมเฉพาะผู้ที่มีหลักฐานการได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนด
2.2 การจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มมากกว่า 1,000 คน ขึ้นไป ให้ผู้จัดงานหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบขออนุญาตต่อสำนักงานเขตพื้นที่เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดมาตรการป้องกันโรค การคัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งผู้จัดงานหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยให้เข้าร่วมเฉพาะผู้ที่มีหลักฐานการได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนดควบคู่กับผลการตรวจที่ยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด 19 ในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนการเข้าร่วมกิจกรรม โดยชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SAR-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (ชุดตรวจ ATK)
3. สถานที่หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาด ให้ผู้ประกอบการหรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ดำเนินมาตรการความปลอดภัยที่ทางราชการได้ยกระดับขึ้นเป็นการเฉพาะด้วย
4. กรณีนอกเหนือจากนี้ ยังคงต้องปฏิบัติตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 47 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 https://www.prbangkok.com/th/covid/detail/19/7321
4. การปรับปรุงการกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ
เพื่อคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และนโยบายการเปิดประเทศ จึงให้ยกเลิกข้อความในข้อกำหนดฉบับที่ 12 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อ 3 ของข้อกำหนดฉบับที่ 37 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ข้อ 1 ในข้อกำหนดฉบับที่ 26 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2564 และข้อ 7 ในข้อกำหนดฉบับที่ 36 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2564
โดยแบ่งประเภทของผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ ดังต่อไปนี้
1) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล
2) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล
3) ผู้มีเหตุยกเว้นที่นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนด อนุญาต หรือเชิญให้เข้ามาในประเทศตามความจำเป็น หรือบุคคลในหน่วยงานของรัฐต่างประเทศ หรือหน่วยงานระหว่างประเทศซึ่งมาปฏิบัติงานในราชอาณาจักร ตลอดจนคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศอนุญาตตามความจำเป็น
4) ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น ที่เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้เดินทางออกนอกประเทศโดยเร็ว
5) ผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกประเทศชัดเจน
6) ผู้เดินทางเข้ามาในประเทศภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคในสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนด
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ในหลายประเทศทั่วโลกได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดรุนแรงในประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ปรับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตามรายละเอียดดังนี้
1. ระงับการลงทะเบียนเข้าประเทศของผู้เดินทางประเภท (1) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล และ (2) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2565 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ยกเว้นการเดินทางเข้าประเทศของผู้ได้รับอนุญาตประเภท (2) ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต
2. ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตามข้อกำหนด ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เฉพาะหลักฐานการ ชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดก่อนเดินทางเข้าประเทศ และการตรวจหาเชื้อโรคโควิด 19 ครั้งที่ 2 ในระหว่างที่อยู่ในประเทศ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอื่น ๆ ตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้อย่างเคร่งครัด ดังนี้
2.1 ผู้เดินทางเข้าประเทศประเภท (1) และ (2) ที่ลงทะเบียนและได้รับอนุมัติให้เดินทางเข้าประเทศแล้ว และได้เดินทางเข้ามาก่อนวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในประเทศตามคำสั่ง ศบค. ที่ 24/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2564 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/307/T_0067.PDF
2.2 ผู้เดินทางเข้าประเทศประเภท (1) และ (2) ที่ลงทะเบียนและได้รับอนุมัติให้เดินทางเข้าประเทศแล้ว และได้เดินทางเข้า
มาตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
2.2.1 กรณีผู้เดินทางเข้าประเทศประเภท (1) ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด 19 โดยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 2 จากสถานพยาบาลหรือหน่วยงานรัฐ และเอกชนตามที่ราชการกำหนด ในระหว่างวันที่ 5 - 6 ของ ระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ หรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ โดยทางราชการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกำหนดไว้
2.2.2 กรณีผู้เดินทางเข้าประเทศประเภท (2) ให้มีหลักฐาน หรือเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้าประเทศและให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด 19 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
• มีหลักฐานการจ่ายค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนด อย่างน้อย 7 วัน และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง ทั้งนี้ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักที่ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด ได้แก่ สถานที่กักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อกระทรวงสาธารณสุข หรือสถานที่ที่ต้องเข้ารับการกักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอนุมัติและตรวจสอบ และบังคับใช้เงื่อนไขนี้กับผู้เดินทางเข้าประเทศที่มีที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวด้วย
• ให้โรงแรมหรือสถานที่พัก หรือสถานที่ที่ผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนดแล้วแต่กรณี ประสานสถานพยาบาลหรือหน่วยงานรัฐ และเอกชนตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อตรวจหาเชื้อโรคโควิด 19 โดยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 2 ในระหว่างวันที่ 5 - 6 ของระยะเวลาที่อยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ โดยทางราชการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ราชการกำหนด
2.3 กรณีผู้เดินทางเข้ามาในประเทศประเภท (2) ในจังหวัดภูเก็ตที่ได้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไปที่ได้รับอนุมัติ และเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ให้มีหลักฐานหรือเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้าประเทศ และต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด 19 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
2.3.1 ต้องมีหลักฐานการจ่ายค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดอย่างน้อย 7 วัน และค่าตรวจหาเชื้อโรคโควิด 19 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง ทั้งนี้ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด ได้แก่ สถานที่ที่ต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อกระทรวงสาธารณสุข หรือสถานที่ที่ต้องเข้ารับการกักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอนุมัติและตรวจสอบ และให้บังคับใช้เงื่อนไขนี้กับผู้เดินทางเข้าประเทศที่มีสถานที่พักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวด้วย
2.3.2 ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด19 โดยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 5 - 6 ของระยะเวลาที่อยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกำหนด
3. สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศประเภท (3) (4) (5) (6) ของข้อ 1 ของคำสั่ง ศบค. ที่ 24/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้อย่างเคร่งครัด
สามารถตรวจสอบประกาศและมาตรการของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
http://www.moicovid.com/ข้อมูลสำคัญ-จังหวัด
อ้างอิง
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/307/T_0062.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/307/T_0066.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/307/T_0067.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/313/T_0024.PDF
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/466714334946896
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/464790481805948
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/464798911805105
https://www.prbangkok.com/th/covid/detail/19/8217
###
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากองค์การอนามัยโลก
https://www.who.int/thailand/emergencies/novel-coronavirus-2019/situation-reports
ศูนย์ข้อมูลกรมควบคุมโรคติดต่อ โทร 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ โทร +66 (0) 2694 6000
https://www.businesseventsthailand.com/en/situation-update-coronavirus-covid-19 หรือ info@tceb.or.th